วันเสาร์ที่ 5 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554
วันศุกร์ที่ 4 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554
กิจกรรมที่ 6
คำถาม ตามที่นักศึกษาได้เรียนรู้วิธีการสร้างบล็อกและใช้งานแล้ว ซึ่งอาจารย์ให้นักศึกษาส่งงานผ่านทางบล็อกนักศึกษาคิดว่ามีความเหมาะสมที่จะ นำมาใช้ในการจัดการเรียนการสอนหรือการบริหารได้อย่างไร ที่จะนำไปสู่การทำงานที่มีประสิทธิภาพ ให้นักศึกษาแสดงความคิดเห็นทุกคน บอกถึงผลดีผลเสียของการใช้งาน นักศึกษามีความสุขในการกระทำหรือไม่
ตอบ จากการที่ข้าพเจ้าได้เรียนรู้วิธีการสร้างและใช้งานบล็อก โดยมีการส่งงานผ่านทางบล็อกนั้น ข้าพเจ้าคิดว่ามีความเหมาะสมที่จะนำมาใช้ในการจัดการเรียนการสอนและการบริหาร เพราะข้าพเจ้าสามารถที่จะบันทึกสิ่งต่างๆลงในบล็อกได้ สามารถตกแต่งบล็อกให้มีความน่าสนใจได้ เราสามารถที่จะนำความรู้ต่างๆมาใส่ในบล็อกเพื่อให้ผู้อื่นศึกษาค้นคว้าได้นอกจากนี้ในการใช้บล็อกนั้นยังมีความสะดวกและรวดเร็วอีกด้วย นอกจากนี้ในการสร้างบล็อกนั้นจะได้ฝึกประสบการณ์ในการใช้คอมพิวเตอร์เพิ่มมากขึ้น ทำให้ผู้เรียนมีความคล่องตัวในการใช้ เครื่องคอมพิวเตอร์มากขึ้น โดยส่วนตัวแล้วข้าพเจ้าไม่ค่อยมีเวลาตกแต่งบล็อคซักเท่าไหร่แต่พอมีเวลาทำข้าพเจ้าก็จะเพลิดเพลินและสนุกไปกับการทำบล็อกและมีความสุขมากในการเรียนวิชานี้ค่ะ
ข้อดี ของการทำบล็อก
1. สร้างง่ายไม่เสียเงิน ไม่จำเป็นต้องมีความรู้เกี่ยวกับภาษาคอมพิวเตอร์ต่างๆ ที่ใช้ในการสร้างเว็บไซต์ ไม่ต้องซื้อหนังสือเกี่ยวกับการสร้างเว็บไซต์เล่มโต ซึ่งช่วยลดเวลาที่ใช้ในการสร้างเว็บไซต์ส่วนตัวของเราได้เป็นอย่างดี อีกทั้งยังไม่มีค่าใช้จ่ายในการเช้าพื้นที่บนอินเทอร์เน็ตอีกด้วย
2. เป็นสื่อที่ใช้ในการแสดงความคิดเห็น ความรู้สึกของผู้เขียนเกี่ยวกับเรื่องต่างๆ เพื่อเสนอให้ผู้คนสาธารณะได้รับรู้
3.เป็น เครื่องมือช่วยในการโฆษณา ประชาสัมพันธ์ การเสนอข่าวสารความเคลื่อนไหวขององค์กร เป็นต้น
4.เป็นแหล่งความรู้ใหม่ๆ ที่ถูกต้องและชัดเจน จากผู้นั้น เนื่องจากผู้เขียน บล็อก มักจะเขียนถึงเรื่องที่ตัวเองถนัด ชอบ และมีมีความรู้เฉพาะด้านๆความรู้ลึกในเรื่องนั้นๆ การค้นหาข้อมูลเฉพาะด้านใน บล็อก ต่างๆ จึงทำให้เราค้นพบความรู้ และผู้มีความรู้ความชำนาญในด้านต่าง ๆ ได้รวดเร็วขึ้น
5.ผู้ที่สร้างบล็อกสามารถ ปรับแต่งบล็อกให้เป็นรูปแบบที่ตนต้องการได้โดยไม่ต้องมีความรู้ในเรื่องภาษาคำสั่งของโปรแกรมมากมาย
ข้อเสียของการทำบล็อก
1.เจ้าของบล็อกมีอิสระในการนำเสนอบทความ โดยไม่ต้องมีการตรวจสอบจากใครก่อน อาจโพสต์เรื่องที่ไม่เหมาะสมได้ ซึ่งเจ้าของบล็อก ต้องมีกติกาให้ตัวเอง หรือใช้จริยธรรมของแต่บุคคล ความมีเหตุมีผล ความระมัดระวัง รอบคอบในการโพสต์ข้อความต่างๆ
2. เนื้อหาที่อยู่ในบล็อก หากไม่ใช่ผลงานวิจัย หรือ วิทยานิพนธ์ ที่ทำตามหลักวิชาการ หรือ ตัวบทกฎหมาย ก็อาจมีความน่าเชื่อถือน้อย หากเกิดความผิดพลาดใดๆ ผู้ที่นำข้อมูลไปใช้อ้างอิง อาจประสบปัญหาได้
3. เปิดโอกาสให้พวกที่ไม่หวังดี เข้ามาเปิดบล็อก ก่อกวน หรือผู้ที่มีความคิดเห็นแตกต่างกัน มาอยู่ร่วมในชุมชนเดียวกัน เพิ่มโอกาสให้มีการแสดงออกถึงการขัดแย้งอย่างไม่มีเหตุผล สร้างความไม่สามัคคี ทะเลาะกันได้
สำหรับตัวข้าพเจ้ามีความสุขมากกับการได้ฝึกทำบล็อก ได้รับความรู้และเทคนิคความรู้จากอาจารย์ผู้สอนมากมาย เมื่อนำไปฝึกฝนต่อยอดก็ทำให้มีความรู้และทักษะในการใช้คอมพิวเตอร์มากขึ้น จากเรียนรู้จากอาจารย์ผู้เรียน การแลกเปลี่ยนรู้กับสมาชิกในห้อง ประกอบกับการเรียนรู้ด้วยตนเองจนเกิดความชำนาญ ข้าพเจ้าจึงได้นำบล็อกไปใช้ในการจัดการเรียนการสอน ซึ่งพบว่านักเรียนให้ความสนใจกับการเรียนโดยการใช้บล็อก และข้าพเจ้ายังใช้บล็อกในการสร้างเว็บไวต์ให้กับโรงเรียน ซึ่งประกอบด้วยข้อมูลและความเคลื่อนไหวต่าง ๆ ของโรงเรียน เป็นช่องทางให้บุคลากร นักเรียน ผู้ปกครองได้แสดงความคิดเห็นที่มีต่อโรงเรียน ซึ่งก็ได้รับความสนใจมากเช่นเดียวกั
ตอบ จากการที่ข้าพเจ้าได้เรียนรู้วิธีการสร้างและใช้งานบล็อก โดยมีการส่งงานผ่านทางบล็อกนั้น ข้าพเจ้าคิดว่ามีความเหมาะสมที่จะนำมาใช้ในการจัดการเรียนการสอนและการบริหาร เพราะข้าพเจ้าสามารถที่จะบันทึกสิ่งต่างๆลงในบล็อกได้ สามารถตกแต่งบล็อกให้มีความน่าสนใจได้ เราสามารถที่จะนำความรู้ต่างๆมาใส่ในบล็อกเพื่อให้ผู้อื่นศึกษาค้นคว้าได้นอกจากนี้ในการใช้บล็อกนั้นยังมีความสะดวกและรวดเร็วอีกด้วย นอกจากนี้ในการสร้างบล็อกนั้นจะได้ฝึกประสบการณ์ในการใช้คอมพิวเตอร์เพิ่มมากขึ้น ทำให้ผู้เรียนมีความคล่องตัวในการใช้ เครื่องคอมพิวเตอร์มากขึ้น โดยส่วนตัวแล้วข้าพเจ้าไม่ค่อยมีเวลาตกแต่งบล็อคซักเท่าไหร่แต่พอมีเวลาทำข้าพเจ้าก็จะเพลิดเพลินและสนุกไปกับการทำบล็อกและมีความสุขมากในการเรียนวิชานี้ค่ะ
ข้อดี ของการทำบล็อก
1. สร้างง่ายไม่เสียเงิน ไม่จำเป็นต้องมีความรู้เกี่ยวกับภาษาคอมพิวเตอร์ต่างๆ ที่ใช้ในการสร้างเว็บไซต์ ไม่ต้องซื้อหนังสือเกี่ยวกับการสร้างเว็บไซต์เล่มโต ซึ่งช่วยลดเวลาที่ใช้ในการสร้างเว็บไซต์ส่วนตัวของเราได้เป็นอย่างดี อีกทั้งยังไม่มีค่าใช้จ่ายในการเช้าพื้นที่บนอินเทอร์เน็ตอีกด้วย
2. เป็นสื่อที่ใช้ในการแสดงความคิดเห็น ความรู้สึกของผู้เขียนเกี่ยวกับเรื่องต่างๆ เพื่อเสนอให้ผู้คนสาธารณะได้รับรู้
3.เป็น เครื่องมือช่วยในการโฆษณา ประชาสัมพันธ์ การเสนอข่าวสารความเคลื่อนไหวขององค์กร เป็นต้น
4.เป็นแหล่งความรู้ใหม่ๆ ที่ถูกต้องและชัดเจน จากผู้นั้น เนื่องจากผู้เขียน บล็อก มักจะเขียนถึงเรื่องที่ตัวเองถนัด ชอบ และมีมีความรู้เฉพาะด้านๆความรู้ลึกในเรื่องนั้นๆ การค้นหาข้อมูลเฉพาะด้านใน บล็อก ต่างๆ จึงทำให้เราค้นพบความรู้ และผู้มีความรู้ความชำนาญในด้านต่าง ๆ ได้รวดเร็วขึ้น
5.ผู้ที่สร้างบล็อกสามารถ ปรับแต่งบล็อกให้เป็นรูปแบบที่ตนต้องการได้โดยไม่ต้องมีความรู้ในเรื่องภาษาคำสั่งของโปรแกรมมากมาย
ข้อเสียของการทำบล็อก
1.เจ้าของบล็อกมีอิสระในการนำเสนอบทความ โดยไม่ต้องมีการตรวจสอบจากใครก่อน อาจโพสต์เรื่องที่ไม่เหมาะสมได้ ซึ่งเจ้าของบล็อก ต้องมีกติกาให้ตัวเอง หรือใช้จริยธรรมของแต่บุคคล ความมีเหตุมีผล ความระมัดระวัง รอบคอบในการโพสต์ข้อความต่างๆ
2. เนื้อหาที่อยู่ในบล็อก หากไม่ใช่ผลงานวิจัย หรือ วิทยานิพนธ์ ที่ทำตามหลักวิชาการ หรือ ตัวบทกฎหมาย ก็อาจมีความน่าเชื่อถือน้อย หากเกิดความผิดพลาดใดๆ ผู้ที่นำข้อมูลไปใช้อ้างอิง อาจประสบปัญหาได้
3. เปิดโอกาสให้พวกที่ไม่หวังดี เข้ามาเปิดบล็อก ก่อกวน หรือผู้ที่มีความคิดเห็นแตกต่างกัน มาอยู่ร่วมในชุมชนเดียวกัน เพิ่มโอกาสให้มีการแสดงออกถึงการขัดแย้งอย่างไม่มีเหตุผล สร้างความไม่สามัคคี ทะเลาะกันได้
สำหรับตัวข้าพเจ้ามีความสุขมากกับการได้ฝึกทำบล็อก ได้รับความรู้และเทคนิคความรู้จากอาจารย์ผู้สอนมากมาย เมื่อนำไปฝึกฝนต่อยอดก็ทำให้มีความรู้และทักษะในการใช้คอมพิวเตอร์มากขึ้น จากเรียนรู้จากอาจารย์ผู้เรียน การแลกเปลี่ยนรู้กับสมาชิกในห้อง ประกอบกับการเรียนรู้ด้วยตนเองจนเกิดความชำนาญ ข้าพเจ้าจึงได้นำบล็อกไปใช้ในการจัดการเรียนการสอน ซึ่งพบว่านักเรียนให้ความสนใจกับการเรียนโดยการใช้บล็อก และข้าพเจ้ายังใช้บล็อกในการสร้างเว็บไวต์ให้กับโรงเรียน ซึ่งประกอบด้วยข้อมูลและความเคลื่อนไหวต่าง ๆ ของโรงเรียน เป็นช่องทางให้บุคลากร นักเรียน ผู้ปกครองได้แสดงความคิดเห็นที่มีต่อโรงเรียน ซึ่งก็ได้รับความสนใจมากเช่นเดียวกั
กิจกรรมที่ 5
ศึกษาดูงาน ณ ประเทศมาเลเซีย สิงคโปร์
24-28 มกราคม 2554
(กิจกรรมที่ 5)
วันจันทร์ ที่ 24 มกราคม 2554
รถออกจาก ม.ราชภัฏนครศรีธรรมราช มุ่งหน้าสู่ด่านสะเดา จ.สงขลา รับประทานอาหารเช้า บนรถ (ข้าวมันไก่ )ประทับตราหนังสือเดินทาง ที่ด่านชายแดนไทยเข้าสู่ด่านจังโหลน ประเทศมาเลเซียเข้าสู่สถานที่ดูงาน
Sekolah Kebangsaan Kodiag school รับประทานอาหารเที่ยง( ข้าวหมกไก่ ) ที่ Sekolah Kebangsaan Kodiag school ออกจาก Sekolah Kebangsaan Kodiag school มุ่งหน้าสู่ เกาะปินัง แลกเงิน ณ จุดแปลกเปลี่ยนเงิน รับประทานอาหารเย็น เข้าพักโรงแรม Grand Continental
วันอังคารที่ 25 มกราคม 2554
รับประทานอาหารเช้าที่โรงแรม Grand Continental ออกจากโรงแรม ชมป้อมปืน รับประทานอาหารเที่ยง ที่ร้าน Garden Seafood ชมพระราชวังของประเทศมาเลเซีย ชมอนุสาวรีย์ทหารอาสา ชมเสาธงที่สูงที่สุดในโลก ชมตึกแฝด แวะร้านช็อคโกแลต ออกเดินทางสู่เก็นติ้งเมืองมหานครบนภูเขาสูง นั่งกระเช้าไฟฟ้า สู่ยอดเขาเก็นติ้ง ถึงเก็นติ้ง เข้าสู่ที่พัก โรงแรม First World รับประทานอาหารค่ำ และชมบรรยากาศภายในเก็นติ้ง พักผ่อนตามอัธยาศัย
วันพุธ ที่ 26 มกราคม 2554
รับประทานอาหารเช้า ณ ภัตตาคารของโรงแรม First World
ลงจากเก็นติ้งด้วยรถบัสของเก็นติ้ง ร้านดิวตี้ฟรี ร้านขนม รับประทานอาหารเที่ยง Malaysia Kitchen ชมรัฐสภา มัสยิดสีชมพู รับประทานอาหารค่ำ จากนั้นเดินทางต่อมุ่งหน้าสู่โยโฮบารูเมืองชายแดนติดกับประเทศสิงคโปร์ ถึงด่านแจ้งหนังสือเดินทางออกจากมาเลเซียเพื่อเข้าสู่ประเทศสิงคโปร์ที่ด่านวู๊ดแลนด์ เข้าสู่ที่พัก Fragance Hotel Imperil
วันพฤหัสบดีที่ 27 มกราคม 2554
รับประทานอาหารเช้าที่โรงแรม หลังอาหารเที่ยวชมบริเวณอ่าวสิงคโปร์ บริเวณเมอร์ไลออน ร้านดิวตี้ฟรี ช้อบปิ้งบริเวณถนออร์ชาร์ด รับประทานอาหารเที่ยง เกาะเซ็นโตซ่า (Sentosa) ชมยูนิเวอร์เซล ชมภาพยนตร์ 4 มิติ ( 4D ) นั่งรถไฟฟ้า ชมบรรยากาศ รับประทานอาหารเย็น ชมน้ำพุเต้นระบำ Song of the sea ล่องเรือชมอ่าวสิงคโปร์ ออกจากสิงคโปร์กลับสู่ประเทศมาเลเซีย เข้าพักโรงแรม Selasa
วันศุกร์ที่ 28 มกราคม 2554
รับประทานอาหารเช้าที่โรงแรม Selasa ออกจากโรงแรม รับประทานอาหารเที่ยง ร้านดิวตี้ฟรี เดินทางสู่ประเทศไทย รับประทานอาหารเย็นตามอัธยาศัย ถึงมหาวิทยาลัยราชภัฏนครศรีธรรมราช
ความประทับใจ
จากการศึกษาดูงาน ณ Sekolah Kebangsaan Kodiag school มีการแสดงต้อนรับของนักเรียน และกล่าวต้อนรับ พร้อมนำเสนอข้อมูลต่าง ๆ ของ Sekolah Kebangsaan Kodiag school ซึ่งมีรายละเอียดดังนี้
Sekolah Kebangsaan Kodiag school มี 3 อาคาร เปิดสอน 7 ชั้นเรียน เปิดเรียนสัปดาห์ละ 5 วัน มีครู 47 คน เป็นชาย 16 คน หญิง 31 คน นักเรียนจำนวน 591 คน แต่ละชั้นแบ่งนักเรียนออกเป็น 3 กลุ่ม ดังนี้ คือ Excellence Genius และ Smart เริ่มเรียนเวลา 7.30 น. เลิกเรียน 12.00 น. โรงเรียนส่งเริมกิจกรรมกีฬา มีโครงการ 1 นักเรียน 1 กีฬา มีกองทุนค่าใช้จ่ายสำหรับนักเรียน เช่น หนังสือยืมเรียน อาหารกลางวัน เป็นต้น การจัดห้องสำนักงาน และสิ่งแวดล้อมเรียบร้อย เรียบง่าย เน้นความเป็นระเบียบ การจัดห้องเรียนมีความสวยงาม แปลกใหม่ น่าสนใจ อาคารเรียนอนุบาลแยกต่างหาก มีช่วงเวลาพักผ่อนสำหรับนักเรียนอนุบาล ห้องน้ำห้องส้วมสะอาด มีการวางแผนใช้ประโยชน์อาคารสถานที่อย่างลงตัวและคุ้มค่า
นอกจากนี้ข้าพเจ้ายังได้ลงชื่อในสมุดเยี่ยมของห้องสมุดของโรงเรียนอีกด้วย ซึ่วจากการศึกษาดูงานดังกล่าว สามารถนำมาปรับใช้ในการเรียนการสอน เกี่ยวกับการจัดแบ่งกลุ่มนักเรียนตามความสามารถ และจัดการเรียนการสอนให้เหมาะสมกับนักเรียนแต่ละคน เพื่อส่งเสริมให้นักเรียนได้พัฒนาตนเองตามศักยภาพที่มีอยู่ อีกทั้งการจัดกิจกรรมให้นักเรียนได้แสดงออกความสามารถทางด้านกีฬา ส่งเสริมให้นักเรียนมีสุขภาพกายและสุขภาพใจที่ดี อยู่ในสังคมโรงเรียนอย่างมีความสุข นอกจากนี้สิ่งที่สามารถนำมาเป็นแบบอย่าง คือ การจัดบรรยากาศในห้องเรียนที่สามารถจัดตกแต่งได้สวยงาม แปลกใหม่ กระตุ้นความสนใจของผู้เรียน
เก็นติ้ง ก่อตั้งโดย ลิ้มโกตง ข้าพเจ้าได้นั่งกระเช้าลอยฟ้า ตื่นเต้นสุดๆ นั่งกระเช้าไฟฟ้า (Genting Skyway) ขึ้นไปบนยอดเขา เก็นติ้ง ซึ่งมีความสูงถึง 1,800 เมตรจากระดับน้ำทะเล ระยะทางของกระเช้า 3.4 กิโลเมตร ซึ่งระหว่างทางจะผ่านผืนป่าที่มีความอุดมสมบูรณ์และสวยงามเป็นอย่างมาก บนยอดเขาเก็นติ้งมีโรงแรมหรูระดับ 5 ดาวให้เลือกอยู่ 5 แห่งด้วยกัน ซึ่งราคาก็ต่างกันไปตามความหรูหราของโรงแรม ซึ่งคณะดูงานได้พักที่ First World Hotel มี อย่างหนึ่งที่ทุกโรงแรมที่นี่เหมือน กันก็คือ ห้องทุกห้องจะไม่มีเครื่องปรับอากาศ เพราะว่าอากาศที่บนยอดเขาเก็นติ้ง จะเย็นตลอดทั้งปีอยู่แล้ว แค่เปิดหน้าต่างแง้มไว้หน่อยเดียวก็เย็นจับใจแล้ว โรงแรมที่นี่เค้าจะให้เช็คอินตอนบ่าย 3 โมง และ เช็คเอาท์ตอน เที่ยงตรง สำหรับภายในโรงแรม มีส่วนของช็อปปิ้งและร้านอาหารอยู่เป็นจำนวนมาก ซึ่งมีร้านอาหารนานาชนิด ตั้งแต่ Fast food ไปจนถึง ภัตตาคารสุดหรู มีสวนสนุก ซึ่งมีให้เลือกเล่นทั้งสวนสนุกในร่มและสวนสนุกกลางแจ้ง เพราะว่ามีเครื่องเล่นให้เลือกเล่นมากถึง 55 ชนิด ทั้งเครื่องเล่นประเภทหวาดเสียว เช่น Genting Sky Venture, Flying Coaster, Turbo Drop เป็นต้น และ รวมไปถึงเครื่องเล่นประเภทสนุกสนานสำหรับคุณน้องคุณหนูตัวน้อยๆ และที่พลาดไม่ได้ก็เห็นจะเป็นส่วนของ Snow World ซึ่งเป็น Snow World ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศมาเลเซีย และที่นี่ก็ยังมี บ่อนคาสิโน การเข้าไปในบ่อน ผู้ชายต้องสวมเสื้อเชิ้ต กางเกงยายาวร้องเท้าหุ้มส้นผู้หญิงแต่งแบบไหนก็ได้
สิงคโปร์ (Singapore)
สิงคโปร์ก้าวหน้าอย่างไม่หยุดนิ่งที่จะเป็นแหล่งท่องเที่ยว ระดับโลก มีพื้นที่เท่ากับเกาะภูเก็ต ประมาณ 682.7 ตร.กม. แต่สร้างรายได้ประชาชาติสูงสุดติดระดับโลก 117,083 ล้านดอลลาร์สหรัฐ รัฐบาลสิงคโปร์เน้นสร้าง “คุณภาพคน” โดยเน้นคุณภาพการศึกษาและความรู้เป็น พื้นฐานให้คนสิงคโปร์ทั้งชายและหญิงเป็นคน “เก่ง” แต่ก็ต้องประสบปัญหาด้านสังคม เมื่อพบว่าอัตราการเติบโตของประชากรทั้งหญิงและชาย ลดลง ไม่ยอมแต่งงานยินดีที่จะอยู่เป็น “โสด” และทำงานเลี้ยงตัวเองอย่างเท่าเทียมกัน
ภาษา ภาษาอังกฤษ มาเลย์ จีนกลางเป็นภาษาราชการ แต่ร้องเพลงชาติภาษามาเลย์
สภาพอากาศ สิงคโปร์มีอากาศอบอุ่นชื้นตลอดทั้งปี มีอุณหภูมิเฉลี่ยอยู่ระหว่าง 24-31 องศาเซลเซียส ชุดที่สวมใส่ประจำวันควรเป็นเสื้อผ้าสำหรับฤดูร้อนที่เบาสบายและทำจากเส้นใย ธรรมชาติอย่างผ้าฝ้าย
เงินตรา สกุลดอลลาร์สิงคโปร์ 1 ดอลลาร์สิงคโปร์ คิดเป็นเงินไทยประมาณ 24.5 บาท (26 มกราคม 2554)
น้ำดื่ม สามารถดื่มน้ำจากก๊อกน้ำประปาในสิงคโปร์ได้อย่างปลอดภัย
ห้าม เด็ดขาด สิงคโปร์มีกฎหมายเคร่งครัดในเรื่องระเบียบวินัย เช่น การถ่มน้ำลาย การทิ้งขยะ กฎจราจร การข้ามถนน การสูบบุหรี่ ผู้ฝ่าฝืนจะถูกปรับเป็นเงิน 1,000 ดอลลาร์สิงคโปร์ ยกเว้นสถานที่เที่ยวกลางคืน ที่สำคัญห้ามเคี้ยวหมากฝรั่ง
ไฟฟ้าและปลั๊กไฟ ไฟฟ้าเป็นไฟฟ้ากระแสสลับ 220-240 โวลต์ ความถี่ 50 เฮิรตซ์ ใช้ปลั๊กไฟแบบ 3 ขาสี่เหลี่ยมจัตุรัส
สถานที่ท่องเที่ยวที่ ข้าพเจ้าได้ไปคือ บริเวณ Marina Bay, ปากแม่น้ำสิงคโปร์ ซึ่งเป็นที่ตั้งของเมอร์ไลออน (Merlion) และเกาะเซ็นโตซ่า ยูนิเวอร์เซล ได้ชมภาพยนตร์ 4 มิติ (4D) เรื่อง“Pirates” ภาพยนตร์แนวผจญภัยของเหล่าลูกเรือโจรสลัด และกัปตันลัคกี้ ในการออกค้นหาสมบัติล้ำค่าที่ถูกฝังไว้ การชมภาพยนตร์ต้องสวมแว่นตาพิเศษที่โรงหนังจัดให้ ขณะชมเราจะรู้สึกว่าเป็นส่วนหนึ่งของภาพยนตร์เรื่องนั้น ได้สัมผัสทั้งรูป รส กลิ่น เสียง สนุกสนานและประทับใจมาก นอกจากนี้ยังได้ชมน้ำพุเต้นระบำ song of the sea สวยงาม ตื่นตา ตื่นใจมาก ๆ
กล่าวโดยสรุปแล้วในการศึกษาดูงานของข้าพเจ้าในครั้งนี้ ข้าพเจ้ามีความประทับใจมากได้ไปเที่ยวในสถานที่ที่อยากไปมากในตอนเด็กๆ ได้ถ่ายรูปกับสิ่งมหัศจรรย์ของโลกได้ไปกับคณะทัวร์ที่สนุกที่สุดและ ข้าพเจ้าจะเก็บความทรงจำนี้ไปอีกนานแสนนาน
24-28 มกราคม 2554
(กิจกรรมที่ 5)
วันจันทร์ ที่ 24 มกราคม 2554
รถออกจาก ม.ราชภัฏนครศรีธรรมราช มุ่งหน้าสู่ด่านสะเดา จ.สงขลา รับประทานอาหารเช้า บนรถ (ข้าวมันไก่ )ประทับตราหนังสือเดินทาง ที่ด่านชายแดนไทยเข้าสู่ด่านจังโหลน ประเทศมาเลเซียเข้าสู่สถานที่ดูงาน
Sekolah Kebangsaan Kodiag school รับประทานอาหารเที่ยง( ข้าวหมกไก่ ) ที่ Sekolah Kebangsaan Kodiag school ออกจาก Sekolah Kebangsaan Kodiag school มุ่งหน้าสู่ เกาะปินัง แลกเงิน ณ จุดแปลกเปลี่ยนเงิน รับประทานอาหารเย็น เข้าพักโรงแรม Grand Continental
วันอังคารที่ 25 มกราคม 2554
รับประทานอาหารเช้าที่โรงแรม Grand Continental ออกจากโรงแรม ชมป้อมปืน รับประทานอาหารเที่ยง ที่ร้าน Garden Seafood ชมพระราชวังของประเทศมาเลเซีย ชมอนุสาวรีย์ทหารอาสา ชมเสาธงที่สูงที่สุดในโลก ชมตึกแฝด แวะร้านช็อคโกแลต ออกเดินทางสู่เก็นติ้งเมืองมหานครบนภูเขาสูง นั่งกระเช้าไฟฟ้า สู่ยอดเขาเก็นติ้ง ถึงเก็นติ้ง เข้าสู่ที่พัก โรงแรม First World รับประทานอาหารค่ำ และชมบรรยากาศภายในเก็นติ้ง พักผ่อนตามอัธยาศัย
วันพุธ ที่ 26 มกราคม 2554
รับประทานอาหารเช้า ณ ภัตตาคารของโรงแรม First World
ลงจากเก็นติ้งด้วยรถบัสของเก็นติ้ง ร้านดิวตี้ฟรี ร้านขนม รับประทานอาหารเที่ยง Malaysia Kitchen ชมรัฐสภา มัสยิดสีชมพู รับประทานอาหารค่ำ จากนั้นเดินทางต่อมุ่งหน้าสู่โยโฮบารูเมืองชายแดนติดกับประเทศสิงคโปร์ ถึงด่านแจ้งหนังสือเดินทางออกจากมาเลเซียเพื่อเข้าสู่ประเทศสิงคโปร์ที่ด่านวู๊ดแลนด์ เข้าสู่ที่พัก Fragance Hotel Imperil
วันพฤหัสบดีที่ 27 มกราคม 2554
รับประทานอาหารเช้าที่โรงแรม หลังอาหารเที่ยวชมบริเวณอ่าวสิงคโปร์ บริเวณเมอร์ไลออน ร้านดิวตี้ฟรี ช้อบปิ้งบริเวณถนออร์ชาร์ด รับประทานอาหารเที่ยง เกาะเซ็นโตซ่า (Sentosa) ชมยูนิเวอร์เซล ชมภาพยนตร์ 4 มิติ ( 4D ) นั่งรถไฟฟ้า ชมบรรยากาศ รับประทานอาหารเย็น ชมน้ำพุเต้นระบำ Song of the sea ล่องเรือชมอ่าวสิงคโปร์ ออกจากสิงคโปร์กลับสู่ประเทศมาเลเซีย เข้าพักโรงแรม Selasa
วันศุกร์ที่ 28 มกราคม 2554
รับประทานอาหารเช้าที่โรงแรม Selasa ออกจากโรงแรม รับประทานอาหารเที่ยง ร้านดิวตี้ฟรี เดินทางสู่ประเทศไทย รับประทานอาหารเย็นตามอัธยาศัย ถึงมหาวิทยาลัยราชภัฏนครศรีธรรมราช
ความประทับใจ
จากการศึกษาดูงาน ณ Sekolah Kebangsaan Kodiag school มีการแสดงต้อนรับของนักเรียน และกล่าวต้อนรับ พร้อมนำเสนอข้อมูลต่าง ๆ ของ Sekolah Kebangsaan Kodiag school ซึ่งมีรายละเอียดดังนี้
Sekolah Kebangsaan Kodiag school มี 3 อาคาร เปิดสอน 7 ชั้นเรียน เปิดเรียนสัปดาห์ละ 5 วัน มีครู 47 คน เป็นชาย 16 คน หญิง 31 คน นักเรียนจำนวน 591 คน แต่ละชั้นแบ่งนักเรียนออกเป็น 3 กลุ่ม ดังนี้ คือ Excellence Genius และ Smart เริ่มเรียนเวลา 7.30 น. เลิกเรียน 12.00 น. โรงเรียนส่งเริมกิจกรรมกีฬา มีโครงการ 1 นักเรียน 1 กีฬา มีกองทุนค่าใช้จ่ายสำหรับนักเรียน เช่น หนังสือยืมเรียน อาหารกลางวัน เป็นต้น การจัดห้องสำนักงาน และสิ่งแวดล้อมเรียบร้อย เรียบง่าย เน้นความเป็นระเบียบ การจัดห้องเรียนมีความสวยงาม แปลกใหม่ น่าสนใจ อาคารเรียนอนุบาลแยกต่างหาก มีช่วงเวลาพักผ่อนสำหรับนักเรียนอนุบาล ห้องน้ำห้องส้วมสะอาด มีการวางแผนใช้ประโยชน์อาคารสถานที่อย่างลงตัวและคุ้มค่า
นอกจากนี้ข้าพเจ้ายังได้ลงชื่อในสมุดเยี่ยมของห้องสมุดของโรงเรียนอีกด้วย ซึ่วจากการศึกษาดูงานดังกล่าว สามารถนำมาปรับใช้ในการเรียนการสอน เกี่ยวกับการจัดแบ่งกลุ่มนักเรียนตามความสามารถ และจัดการเรียนการสอนให้เหมาะสมกับนักเรียนแต่ละคน เพื่อส่งเสริมให้นักเรียนได้พัฒนาตนเองตามศักยภาพที่มีอยู่ อีกทั้งการจัดกิจกรรมให้นักเรียนได้แสดงออกความสามารถทางด้านกีฬา ส่งเสริมให้นักเรียนมีสุขภาพกายและสุขภาพใจที่ดี อยู่ในสังคมโรงเรียนอย่างมีความสุข นอกจากนี้สิ่งที่สามารถนำมาเป็นแบบอย่าง คือ การจัดบรรยากาศในห้องเรียนที่สามารถจัดตกแต่งได้สวยงาม แปลกใหม่ กระตุ้นความสนใจของผู้เรียน
เก็นติ้ง ก่อตั้งโดย ลิ้มโกตง ข้าพเจ้าได้นั่งกระเช้าลอยฟ้า ตื่นเต้นสุดๆ นั่งกระเช้าไฟฟ้า (Genting Skyway) ขึ้นไปบนยอดเขา เก็นติ้ง ซึ่งมีความสูงถึง 1,800 เมตรจากระดับน้ำทะเล ระยะทางของกระเช้า 3.4 กิโลเมตร ซึ่งระหว่างทางจะผ่านผืนป่าที่มีความอุดมสมบูรณ์และสวยงามเป็นอย่างมาก บนยอดเขาเก็นติ้งมีโรงแรมหรูระดับ 5 ดาวให้เลือกอยู่ 5 แห่งด้วยกัน ซึ่งราคาก็ต่างกันไปตามความหรูหราของโรงแรม ซึ่งคณะดูงานได้พักที่ First World Hotel มี อย่างหนึ่งที่ทุกโรงแรมที่นี่เหมือน กันก็คือ ห้องทุกห้องจะไม่มีเครื่องปรับอากาศ เพราะว่าอากาศที่บนยอดเขาเก็นติ้ง จะเย็นตลอดทั้งปีอยู่แล้ว แค่เปิดหน้าต่างแง้มไว้หน่อยเดียวก็เย็นจับใจแล้ว โรงแรมที่นี่เค้าจะให้เช็คอินตอนบ่าย 3 โมง และ เช็คเอาท์ตอน เที่ยงตรง สำหรับภายในโรงแรม มีส่วนของช็อปปิ้งและร้านอาหารอยู่เป็นจำนวนมาก ซึ่งมีร้านอาหารนานาชนิด ตั้งแต่ Fast food ไปจนถึง ภัตตาคารสุดหรู มีสวนสนุก ซึ่งมีให้เลือกเล่นทั้งสวนสนุกในร่มและสวนสนุกกลางแจ้ง เพราะว่ามีเครื่องเล่นให้เลือกเล่นมากถึง 55 ชนิด ทั้งเครื่องเล่นประเภทหวาดเสียว เช่น Genting Sky Venture, Flying Coaster, Turbo Drop เป็นต้น และ รวมไปถึงเครื่องเล่นประเภทสนุกสนานสำหรับคุณน้องคุณหนูตัวน้อยๆ และที่พลาดไม่ได้ก็เห็นจะเป็นส่วนของ Snow World ซึ่งเป็น Snow World ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศมาเลเซีย และที่นี่ก็ยังมี บ่อนคาสิโน การเข้าไปในบ่อน ผู้ชายต้องสวมเสื้อเชิ้ต กางเกงยายาวร้องเท้าหุ้มส้นผู้หญิงแต่งแบบไหนก็ได้
สิงคโปร์ (Singapore)
สิงคโปร์ก้าวหน้าอย่างไม่หยุดนิ่งที่จะเป็นแหล่งท่องเที่ยว ระดับโลก มีพื้นที่เท่ากับเกาะภูเก็ต ประมาณ 682.7 ตร.กม. แต่สร้างรายได้ประชาชาติสูงสุดติดระดับโลก 117,083 ล้านดอลลาร์สหรัฐ รัฐบาลสิงคโปร์เน้นสร้าง “คุณภาพคน” โดยเน้นคุณภาพการศึกษาและความรู้เป็น พื้นฐานให้คนสิงคโปร์ทั้งชายและหญิงเป็นคน “เก่ง” แต่ก็ต้องประสบปัญหาด้านสังคม เมื่อพบว่าอัตราการเติบโตของประชากรทั้งหญิงและชาย ลดลง ไม่ยอมแต่งงานยินดีที่จะอยู่เป็น “โสด” และทำงานเลี้ยงตัวเองอย่างเท่าเทียมกัน
ภาษา ภาษาอังกฤษ มาเลย์ จีนกลางเป็นภาษาราชการ แต่ร้องเพลงชาติภาษามาเลย์
สภาพอากาศ สิงคโปร์มีอากาศอบอุ่นชื้นตลอดทั้งปี มีอุณหภูมิเฉลี่ยอยู่ระหว่าง 24-31 องศาเซลเซียส ชุดที่สวมใส่ประจำวันควรเป็นเสื้อผ้าสำหรับฤดูร้อนที่เบาสบายและทำจากเส้นใย ธรรมชาติอย่างผ้าฝ้าย
เงินตรา สกุลดอลลาร์สิงคโปร์ 1 ดอลลาร์สิงคโปร์ คิดเป็นเงินไทยประมาณ 24.5 บาท (26 มกราคม 2554)
น้ำดื่ม สามารถดื่มน้ำจากก๊อกน้ำประปาในสิงคโปร์ได้อย่างปลอดภัย
ห้าม เด็ดขาด สิงคโปร์มีกฎหมายเคร่งครัดในเรื่องระเบียบวินัย เช่น การถ่มน้ำลาย การทิ้งขยะ กฎจราจร การข้ามถนน การสูบบุหรี่ ผู้ฝ่าฝืนจะถูกปรับเป็นเงิน 1,000 ดอลลาร์สิงคโปร์ ยกเว้นสถานที่เที่ยวกลางคืน ที่สำคัญห้ามเคี้ยวหมากฝรั่ง
ไฟฟ้าและปลั๊กไฟ ไฟฟ้าเป็นไฟฟ้ากระแสสลับ 220-240 โวลต์ ความถี่ 50 เฮิรตซ์ ใช้ปลั๊กไฟแบบ 3 ขาสี่เหลี่ยมจัตุรัส
สถานที่ท่องเที่ยวที่ ข้าพเจ้าได้ไปคือ บริเวณ Marina Bay, ปากแม่น้ำสิงคโปร์ ซึ่งเป็นที่ตั้งของเมอร์ไลออน (Merlion) และเกาะเซ็นโตซ่า ยูนิเวอร์เซล ได้ชมภาพยนตร์ 4 มิติ (4D) เรื่อง“Pirates” ภาพยนตร์แนวผจญภัยของเหล่าลูกเรือโจรสลัด และกัปตันลัคกี้ ในการออกค้นหาสมบัติล้ำค่าที่ถูกฝังไว้ การชมภาพยนตร์ต้องสวมแว่นตาพิเศษที่โรงหนังจัดให้ ขณะชมเราจะรู้สึกว่าเป็นส่วนหนึ่งของภาพยนตร์เรื่องนั้น ได้สัมผัสทั้งรูป รส กลิ่น เสียง สนุกสนานและประทับใจมาก นอกจากนี้ยังได้ชมน้ำพุเต้นระบำ song of the sea สวยงาม ตื่นตา ตื่นใจมาก ๆ
กล่าวโดยสรุปแล้วในการศึกษาดูงานของข้าพเจ้าในครั้งนี้ ข้าพเจ้ามีความประทับใจมากได้ไปเที่ยวในสถานที่ที่อยากไปมากในตอนเด็กๆ ได้ถ่ายรูปกับสิ่งมหัศจรรย์ของโลกได้ไปกับคณะทัวร์ที่สนุกที่สุดและ ข้าพเจ้าจะเก็บความทรงจำนี้ไปอีกนานแสนนาน
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)